
เราให้บริการการตรวจสอบเว็บไซต์โดยใช้เทคนิค SEO 100% เพื่อทำให้เว็บไซต์มีความแข็งแกร่งพื้นฐานทางเทคนิคมากขึ้น จึงทำให้การพัฒนาแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
# ตรวจสอบตามกระบวนการ SEO # ช่วยให้เว็บไซต์เติบโต # ตรวจสอบอย่างครอบคลุม # ตรวจสอบ Onpage และ Offpage
บริการตรวจสอบเว็บไซต์มุ่งมั่นที่จะเพิ่มอันดับ
บริการตรวจสอบเว็บไซต์ของเรามุ่งมั่นที่จะเพิ่มการจัดอันดับคีย์เวิร์ดหลังการใช้งาน
บริการนี้ถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้าที่ต้องการทีมงานมืออาชีพเพื่อประเมินเว็บไซต์ของตนอีกครั้งหลังจากประสบปัญหาการเติบโตมาเป็นเวลานาน
เราขอแนะนำให้คุณดำเนินการบริการการตรวจสอบเว็บไซต์เป็นระยะเดือนละครั้งเพื่อช่วยตรวจสอบคุณภาพ Onpage และ Offpage ของเว็บไซต์เพื่อให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ตรงตามเกณฑ์การเติบโตตามการประเมินของ Google อยู่เสมอ
บริการตรวจสอบเว็บไซต์รายเดือนเป็นภารกิจที่ขาดไม่ได้สำหรับเว็บไซต์ใดๆ ที่ต้องการเติบโตอย่างยั่งยืน คุณไม่สามารถรู้ได้ว่าคุณภาพของเว็บไซต์ยังคงเป็นไปตามเกณฑ์การประเมินของ Google หรือไม่
บริการตรวจสอบเว็บไซต์รายเดือนของเราจะดำเนินการเป็นประจำทุกเดือนตามที่ได้รับมอบหมาย หากพบปัญหาใดๆ บนเว็บไซต์ เราจะเสนอแนะแนวทางแก้ไข
สำหรับเว็บไซต์บริการ บทความเกี่ยวกับบริการมีความสำคัญอย่างยิ่งในการประเมินว่าชุดคำหลักเติบโตอย่างเหมาะสมและได้รับการจัดอันดับสูงหรือไม่
บริการตรวจสอบเว็บไซต์ของเราสำหรับบทความบริการจะตรวจสอบบทความบริการของคุณอย่างครอบคลุม จากนั้นให้คำแนะนำและดำเนินการเพื่อให้ชุดคำสำคัญที่เกี่ยวข้องได้รับอันดับสูง
สำหรับเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ ชุดคำหลักหลักที่จำเป็นต้องมี SEO มักจะอยู่ในเมนูหมวดหมู่บริการ และมักจะควบคุมได้ยากกว่าบทความบริการธรรมดาๆ
บริการตรวจสอบเว็บไซต์ของเราสำหรับหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ของเราจะตรวจสอบคุณภาพของชุดคำหลักที่สอดคล้องกับแต่ละหมวดหมู่บนเว็บไซต์ จึงช่วยแก้ไขและทำให้การเติบโตของอันดับมีความเสถียร
บริการตรวจสอบเว็บไซต์ของเราจะดำเนินการตามรายการ Onpage รวมถึงปัญหาต่างๆ ภายใต้แนวคิด "ทางเทคนิค" ในเว็บไซต์อย่างเต็มรูปแบบ
ประเด็นเหล่านี้ค่อนข้างกว้างและมีหลายสิ่งที่ต้องทำ หลังจากทำแบบสำรวจเสร็จแล้ว เราจะมีรายการคำแนะนำเฉพาะเจาะจงสำหรับลูกค้าเพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์และดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
การตรวจสอบเว็บไซต์ของเรายังรวมถึงการตรวจสอบนอกหน้าของทรัพยากรที่เว็บไซต์มีด้วย
แนวคิดของ Offpage เข้าใจกันโดยทั่วไปว่าเป็นประเภทของแบ็คลิงก์และแหล่งข้อมูลภายนอกที่เชื่อมโยงมายังเว็บไซต์ เราจะใช้เครื่องมือเฉพาะทางเพื่อสำรวจและจัดทำรายชื่อลูกค้าเพื่อพิจารณาดำเนินการ
บริการตรวจสอบเว็บไซต์ของเราจะดำเนินการตามรายการ Onpage รวมถึงปัญหาต่างๆ ภายใต้แนวคิด "ทางเทคนิค" ในเว็บไซต์อย่างเต็มรูปแบบ
ประเด็นเหล่านี้ค่อนข้างกว้างและมีหลายสิ่งที่ต้องทำ หลังจากทำแบบสำรวจเสร็จแล้ว เราจะมีรายการคำแนะนำเฉพาะเจาะจงสำหรับลูกค้าเพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์และดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
การบริการตรวจสอบเว็บไซต์เป็นสิ่งจำเป็นและควรดำเนินการเป็นระยะๆ
เราและชุมชน Seo แนะนำให้ดำเนินการบริการตรวจสอบเว็บไซต์เป็นระยะเดือนละครั้ง
ในระหว่างการดำเนินงานและเมื่อเวลาผ่านไป สิ่งต่างๆ บนเว็บไซต์อาจไม่เหมาะสมอีกต่อไปและนำไปสู่ความไม่เสถียรของการเติบโต ณ เวลานี้ บริการตรวจสอบเว็บไซต์จะช่วยแก้ไขความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นเหล่านี้
Website Audit Service สัญญาว่าจะเติบโตอย่างไร?
บริการตรวจสอบเว็บไซต์ของเรา หลังจากนำไปใช้งานแล้ว จะมีการมุ่งมั่นที่จะเพิ่มอันดับคีย์เวิร์ด ซึ่งจะช่วยเพิ่มปริมาณการเข้าชมตามธรรมชาติสู่เว็บไซต์
เป้าหมายสูงสุดของเว็บไซต์คือการมีอันดับคีย์เวิร์ดที่ดี รวมถึงปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์เพื่อดึงดูดลูกค้า ด้วยความเข้าใจในเรื่องนี้ เราจึงยึดมั่นในพันธสัญญาที่ชัดเจนเมื่อลูกค้าใช้บริการของเรา
บริการตรวจสอบเว็บไซต์สำหรับลูกค้าที่ไม่ได้จ้างบริการ SEO
บริการตรวจสอบเว็บไซต์ของเราออกแบบมาสำหรับเจ้าของเว็บไซต์ที่ดำเนินธุรกิจด้วยตนเองโดยไม่ต้องจ้างบริการ SEO จากภายนอก เพียงใช้บริการตรวจสอบเว็บไซต์ของเรา เพราะดำเนินการตามมาตรฐาน SEO จึงมีคุณภาพเทียบเท่าบริการ SEO แต่ประหยัดต้นทุน
บริการตรวจสอบเว็บไซต์ของเรายังใช้ได้สำหรับเอเจนซี่ SEO ที่ต้องการหาทีมสนับสนุนเพิ่มเติมให้กับลูกค้าเพื่อเร่งการดำเนินการ
ในตลาดดิจิทัลที่มีการแข่งขันสูง การบำรุงรักษาและปรับปรุงประสิทธิภาพของเว็บไซต์ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดความสำเร็จหรือความล้มเหลวของธุรกิจ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ แนวคิด "SEO Audit" จึงก้าวข้ามกรอบการตรวจสอบแบบเดิมๆ ไปสู่กระบวนการวิเคราะห์ที่ครอบคลุมและเป็นระบบ
โดยพื้นฐานแล้ว การตรวจสอบ SEO คือการประเมินเชิงลึกถึงปัจจัยทั้งหมด ทั้งภายในและภายนอก ซึ่งอาจส่งผลต่อการจัดอันดับและการมองเห็นของเว็บไซต์บนเครื่องมือค้นหา
การตรวจสอบ SEO แบบสมบูรณ์นั้นแตกต่างจากการตรวจสอบทั่วไปที่เพียงแค่ช่วยระบุปัญหาที่มีอยู่ การตรวจสอบ SEO อย่างสมบูรณ์จะให้ภาพรวมที่สมบูรณ์เกี่ยวกับ "สภาพ" ของเว็บไซต์ ซึ่งจะทำให้สามารถวางแผนการดำเนินการที่ละเอียดและตรงเป้าหมายเพื่อแก้ไขจุดอ่อน กระบวนการนี้เปรียบเสมือน "การวินิจฉัย" ทั่วไปของเว็บไซต์ ซึ่งจะช่วยตรวจหา "โรค" ที่อาจเกิดขึ้น
จากผลการวินิจฉัย จะมีการพัฒนา "แผนการรักษา" ที่เฉพาะเจาะจงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพองค์ประกอบบนหน้าเว็บ เพื่อให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อทั้งผู้ใช้และอัลกอริทึมการค้นหา
บริการ SEO Audit ถือเป็นขั้นตอนแรกและจำเป็นในโครงการ SEO ระดับมืออาชีพส่วนใหญ่ โดยเฉพาะโครงการขนาดใหญ่ที่ต้องมีกลยุทธ์ที่มั่นคงและระยะยาว
เหตุผลเร่งด่วนที่สุดประการหนึ่งในการดำเนินการตรวจสอบคือเมื่อเว็บไซต์เริ่มแสดงสัญญาณของความผิดปกติ เช่น อันดับคีย์เวิร์ดลดลงอย่างต่อเนื่อง ปริมาณการเข้าชมแบบออร์แกนิกลดลง หรือความพยายามในการทำ SEO ไม่ได้ให้ผลลัพธ์ตามที่คาดหวัง
ในกรณีเหล่านี้ การตรวจสอบ SEO ถือเป็นโซลูชันที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการระบุสาเหตุหลักและให้คำแนะนำที่ถูกต้อง
อย่างไรก็ตาม วิสัยทัศน์ของผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การบริหารจัดการวิกฤตเท่านั้น การตรวจสอบเว็บไซต์อย่างสม่ำเสมอถือเป็นกลยุทธ์เชิงป้องกันและเพิ่มประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วยเพิ่มศักยภาพของเว็บไซต์ให้สูงสุด แม้ว่าเว็บไซต์จะมีประสิทธิภาพดีก็ตาม
การตรวจสอบตามปกตินั้นคล้ายกับการตรวจสอบสุขภาพทั่วไป ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจตรวจพบปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ตั้งแต่เนิ่นๆ เช่น ลิงก์เสีย จุดอ่อนด้านความปลอดภัย หรือการเปลี่ยนแปลงอัลกอริทึมการค้นหา ก่อนที่จะสร้างความเสียหายร้ายแรงต่อการจัดอันดับและรายได้
นอกจากการปรับปรุงอันดับของเครื่องมือค้นหาแล้ว การตรวจสอบอย่างละเอียดยังมีประโยชน์เชิงกลยุทธ์อื่นๆ อีกมากมาย การตรวจสอบนี้ช่วยประเมินประสิทธิภาพปัจจุบันของเว็บไซต์ได้อย่างครอบคลุม เพิ่มประสิทธิภาพ Conversion Rate ด้วยการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้บนหน้าเว็บ เปรียบเทียบและค้นหาจุดอ่อนและโอกาสจากคู่แข่ง พร้อมทั้งรับประกันความปลอดภัยของข้อมูลและยกระดับประสบการณ์ผู้ใช้โดยรวม
การตรวจสอบ SEO แบบมืออาชีพจำเป็นต้องมีการวิเคราะห์เชิงลึกในหลากหลายแง่มุม ตั้งแต่ปัจจัยทางเทคนิคพื้นฐาน ไปจนถึงคุณภาพของเนื้อหาและประสบการณ์ผู้ใช้ การวิเคราะห์นี้จะสร้างภาพรวมที่สมบูรณ์ว่าปัจจัยต่างๆ มีปฏิสัมพันธ์และมีอิทธิพลต่อกันอย่างไร ซึ่งจะช่วยสร้างกลยุทธ์การเพิ่มประสิทธิภาพที่มีประสิทธิภาพ
ปัญหาทางเทคนิคเป็นอุปสรรคที่มองไม่เห็นซึ่งอาจส่งผลเสียต่อการจัดอันดับของเว็บไซต์ การวิเคราะห์ทางเทคนิคช่วยให้มั่นใจได้ว่าเว็บไซต์มีรากฐานที่มั่นคง ทำให้เครื่องมือค้นหาสามารถรวบรวมข้อมูลและจัดทำดัชนีข้อมูลได้อย่างง่ายดาย
องค์ประกอบสำคัญที่ต้องตรวจสอบ ได้แก่:
ความสามารถในการรวบรวมและการสร้างดัชนี: ประเมินไฟล์การกำหนดค่าที่สำคัญ เช่น sitemap.xml ซึ่งแสดงรายการหน้าทั้งหมดที่ควรสร้างดัชนี และ robots.txt ซึ่งเป็นไฟล์ที่ส่งไปยัง Googlebot และเครื่องมือค้นหาอื่นๆ6 ข้อผิดพลาดในไฟล์เหล่านี้อาจทำให้ Google ไม่พบหน้าสำคัญหรือถูกลบออกจากดัชนี
ความเร็วและประสิทธิภาพการโหลดหน้าเว็บ: ความเร็วในการโหลดหน้าเว็บที่ช้าไม่เพียงแต่สร้างความรำคาญให้กับผู้ใช้เท่านั้น แต่ยังเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เว็บไซต์เสียอันดับอีกด้วย การตรวจสอบทางเทคนิคจะประเมินประสิทธิภาพของหน้าเว็บทั้งบนเดสก์ท็อปและมือถือโดยอิงตามตัวชี้วัด Core Web Vitals ของ Google
ความปลอดภัย: ตรวจสอบใบรับรอง SSL และการเปลี่ยนเส้นทาง HTTP เป็น HTTPS มาตรฐานเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้และหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดของเนื้อหาซ้ำซ้อน
โครงสร้างไซต์: ประเมินโครงสร้าง URL การเชื่อมโยงภายใน และโครงสร้างลำดับชั้น (เช่น โครงสร้างไซโล) เพื่อให้แน่ใจว่า Googlebot เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างหน้าต่างๆ และกระจายความแรงของสัญญาณอย่างเหมาะสม
รากฐานทางเทคนิคที่แข็งแกร่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับกลยุทธ์ SEO ที่ประสบความสำเร็จ เว็บไซต์ที่มีความเร็วในการโหลดหน้าเว็บช้าหรืออินเทอร์เฟซที่ไม่เป็นมิตรกับมือถือ ไม่ว่าจะลงทุนกับเนื้อหาคุณภาพสูงมากเพียงใด ก็ย่อมยากที่จะรักษาผู้ใช้ไว้ได้ อัตราการตีกลับที่สูงเนื่องจากประสบการณ์ที่ไม่ดีจะส่งสัญญาณเชิงลบไปยัง Google ส่งผลให้อันดับโดยรวมลดลง
สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าหมวดหมู่ทางเทคนิค ออนเพจ และ UX/UI ไม่ได้ทำงานแยกกัน แต่มีความสัมพันธ์เชิงสาเหตุที่แข็งแกร่ง การแก้ไขข้อผิดพลาดทางเทคนิคต้องเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะเป็นรากฐานสู่ความสำเร็จของหมวดหมู่อื่นๆ
SEO บนหน้าจะเน้นไปที่การปรับปรุงองค์ประกอบที่ผู้ใช้และเครื่องมือค้นหาสามารถมองเห็นได้โดยตรง
หมวดหมู่หลักได้แก่:
เมตาแท็กและชื่อเรื่อง: ตรวจสอบและปรับแต่งเมตาแท็กและคำอธิบายเมตาของคุณเพื่อให้มีทั้งคำหลักของคุณและน่าดึงดูดเพียงพอที่จะจูงใจให้ผู้ใช้คลิกจากหน้าผลการค้นหา ข้อผิดพลาดทั่วไปคือชื่อเรื่องยาวเกินไปหรือซ้ำกัน
โครงสร้างเนื้อหา: ประเมินโครงสร้างของแท็กหัวข้อ (H1, H2,...) เพื่อให้แน่ใจว่าเนื้อหามีการจัดระเบียบอย่างมีตรรกะ อ่านและเข้าใจง่ายทั้งสำหรับผู้ใช้และ Google
รูปภาพ: เพิ่มประสิทธิภาพรูปภาพโดยการบีบอัดขนาด ตั้งชื่อไฟล์อย่างชัดเจน และเพิ่มแท็กข้อความอื่นที่มีคำสำคัญที่เกี่ยวข้อง
การเชื่อมโยงภายใน: ประเมินการสร้างเครือข่ายการเชื่อมโยงภายในเพื่อช่วยให้ผู้ใช้และบ็อตนำทางได้ง่ายขึ้น และกระจายพลังของเพจ (PageRank) อย่างเหมาะสม
เนื้อหาคือหัวใจสำคัญของเว็บไซต์และเป็นที่ที่คุณค่าของแบรนด์ปรากฏชัดเจนที่สุด การตรวจสอบเนื้อหาอย่างละเอียดไม่เพียงแต่ตรวจสอบคีย์เวิร์ดเท่านั้น แต่ยังมุ่งเน้นไปที่การประเมินคุณภาพและความเป็นเอกลักษณ์ของเนื้อหาด้วย หนึ่งในข้อผิดพลาดที่พบบ่อยที่สุดของเนื้อหาคือ "เนื้อหาบาง" หรือเนื้อหาซ้ำซ้อน
ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น การตรวจสอบเนื้อหาจะวิเคราะห์ว่าเนื้อหานั้นตรงกับความต้องการค้นหาของผู้ใช้จริงหรือไม่ ซึ่งจำเป็นต้องประเมินระดับความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ ความน่าเชื่อถือ และความน่าเชื่อถือของเนื้อหา ซึ่ง EEAT บ่งชี้ว่า Google ให้ความสำคัญเป็นพิเศษ
ประสบการณ์ผู้ใช้ (UX) และความเป็นมิตรกับมือถือเป็นปัจจัยสำคัญที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในด้าน SEO การตรวจสอบอย่างละเอียดจะวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้บนเว็บไซต์ผ่านตัวชี้วัดต่างๆ เช่น อัตราการตีกลับ เวลาบนหน้า และจำนวนหน้า/เซสชัน ตัวชี้วัดเหล่านี้สะท้อนถึงระดับการมีส่วนร่วมและความพึงพอใจของผู้ใช้ที่มีต่อเนื้อหาและอินเทอร์เฟซของเว็บไซต์
นอกจากนี้ ปัญหาการออกแบบ เช่น เค้าโครง ตำแหน่งของปุ่มเรียกร้องให้ดำเนินการ (CTA) และความสะดวกในการนำทาง ก็ได้รับการพิจารณาอย่างรอบคอบเช่นกัน
จากการวิเคราะห์พบว่า การเพิ่มประสิทธิภาพมือถือเป็นส่วนสำคัญของการตรวจสอบทางเทคนิค โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทที่มีผู้ใช้จำนวนมากขึ้นที่เข้าถึงจากสมาร์ทโฟน เว็บไซต์ที่มีการออกแบบที่ไม่ตอบสนองต่ออุปกรณ์ (non-responsive design) จะทำให้เกิดข้อผิดพลาดร้ายแรงต่อประสบการณ์ของผู้ใช้ ซึ่งนำไปสู่การสูญเสียอันดับและรายได้
SEO นอกหน้าจะมุ่งเน้นไปที่ปัจจัยภายนอกเว็บไซต์ของคุณที่ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและความน่าเชื่อถือของโดเมน การตรวจสอบนี้จะประเมิน:
โปรไฟล์แบ็คลิงก์: ตรวจสอบคุณภาพและปริมาณของแบ็คลิงก์ที่ชี้มายังเว็บไซต์ ตรวจจับและลบแบ็คลิงก์ที่เป็นพิษจากเว็บไซต์สแปม โปรไฟล์แบ็คลิงก์ที่ไม่ดีอาจทำให้เว็บไซต์ถูกลงโทษโดย Google
การวิเคราะห์คู่แข่ง: ประเมินกลยุทธ์นอกหน้าของคู่แข่งของคุณ รวมถึงโปรไฟล์แบ็คลิงก์ การปรากฏตัวบนโซเชียลมีเดีย และกิจกรรมบนโซเชียลมีเดีย เพื่อค้นหาโอกาสและสร้างกลยุทธ์การแข่งขันที่มีประสิทธิภาพ
เพื่อทำการตรวจสอบอย่างครอบคลุม ผู้เชี่ยวชาญจำเป็นต้องใช้เครื่องมือที่หลากหลาย ซึ่งแต่ละเครื่องมือมีบทบาทของตัวเองในการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล เครื่องมือฟรีของ Google เช่น Google Analytics, Google Search Console และ Google PageSpeed Insights เป็นแพลตฟอร์มสำคัญสำหรับการตรวจสอบประสิทธิภาพ สถานะการจัดทำดัชนี และพฤติกรรมผู้ใช้
ในขณะเดียวกัน เครื่องมือที่ต้องชำระเงิน เช่น Ahrefs, SEMrush และ Screaming Frog ก็มีฟีเจอร์การวิเคราะห์เชิงลึกมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการวิจัยคีย์เวิร์ด การวิเคราะห์แบ็คลิงก์ และการตรวจจับข้อผิดพลาดทางเทคนิคทั่วทั้งเว็บไซต์
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องตระหนักว่าเครื่องมือต่างๆ ให้ข้อมูลดิบเท่านั้น คุณค่าที่แท้จริงของผู้เชี่ยวชาญอยู่ที่ความสามารถในการวิเคราะห์ สังเคราะห์ และตัดสินใจจากข้อมูลเหล่านั้น
เครื่องมือสามารถชี้ไปยังหน้าเว็บที่มีอัตราการตีกลับสูงได้ แต่ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้ตัดสินว่าสาเหตุที่แท้จริงคือเนื้อหาที่ไม่ดีหรืออินเทอร์เฟซที่ใช้งานยาก การประเมินประสบการณ์ผู้ใช้ การออกแบบ และการเดินทางของลูกค้าจำเป็นต้องอาศัยประสบการณ์จริงและสัญชาตญาณของมนุษย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่เครื่องมืออัตโนมัติไม่สามารถทดแทนได้
ด้านล่างนี้เป็นสรุปเครื่องมือยอดนิยมบางส่วนและบทบาทหลักของเครื่องมือเหล่านั้น:
เครื่องมือ | พิมพ์ | ฟังก์ชั่นหลัก |
Google Analytics | ฟรี | วิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้ ปริมาณการเข้าชม เวลาบนไซต์ อัตราการตีกลับ |
คอนโซลการค้นหาของ Google | ฟรี | ตรวจสอบสถานะการจัดทำดัชนี ข้อผิดพลาดทางเทคนิค คำค้นหา อัตราการคลิกผ่าน |
ข้อมูลเชิงลึกของ Google PageSpeed | ฟรี | ประเมินความเร็วในการโหลดหน้าบนมือถือและเดสก์ท็อป ให้คำแนะนำเพื่อการปรับปรุง |
อาห์เรฟส์ | ชำระค่าธรรมเนียม | วิเคราะห์แบ็คลิงก์ ค้นคว้าคำสำคัญ ตรวจสอบการเข้าชมเว็บไซต์และคู่แข่ง |
เซมรัช | ชำระค่าธรรมเนียม | วิเคราะห์คำหลัก แบ็คลิงก์ การเข้าชม และข้อผิดพลาดทางเทคนิคของ SEO |
แมงมุม SEO กบกรี๊ด | ฟรี/จ่ายเงิน | รวบรวมข้อมูลทั่วทั้งเว็บไซต์เพื่อตรวจหาข้อผิดพลาดทางเทคนิคและโครงสร้างลิงก์ |
ในระหว่างการตรวจสอบ ผู้เชี่ยวชาญมักจะค้นพบข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ซึ่งอาจส่งผลต่อการจัดอันดับของเว็บไซต์อย่างร้ายแรง
กลุ่มข้อผิดพลาดหลักๆ มีดังนี้:
ข้อผิดพลาดเกี่ยวกับความเร็ว: สาเหตุทั่วไป ได้แก่ รูปภาพที่ไม่ได้รับการปรับแต่ง รหัสเว็บที่ไม่สวยงาม และการใช้ปลั๊กอินที่ไม่จำเป็นมากเกินไป
ข้อผิดพลาด SEO บนมือถือ: เว็บไซต์ไม่มีการออกแบบที่ตอบสนอง ทำให้อินเทอร์เฟซเสียหายหรือใช้งานบนอุปกรณ์มือถือได้ยาก
ข้อผิดพลาดในหน้า: ปัญหาที่พบบ่อยที่สุดคือปัญหาเกี่ยวกับแท็ก H1/Title เช่น ชื่อเรื่องยาวเกินไป ไม่มีคีย์เวิร์ดหลัก หรือเนื้อหาซ้ำกันระหว่างหน้า เนื้อหาที่น้อยเกินไปและเนื้อหาซ้ำกันก็ถือเป็นข้อผิดพลาดร้ายแรงเช่นกัน
ข้อผิดพลาดทางเทคนิคอื่นๆ: ปัญหาต่างๆ เช่น ข้อผิดพลาด 404 (ไม่พบหน้า) ข้อผิดพลาดการเปลี่ยนเส้นทาง หรือการใช้แท็ก canonical ในทางที่ผิด อาจทำให้ประสบการณ์ผู้ใช้แย่ลง และส่งผลต่อความสามารถของ Google ในการรวบรวมข้อมูล ข้อผิดพลาดในไฟล์
robots.txt ยังสามารถป้องกัน Googlebot จากการจัดทำดัชนีหน้าสำคัญโดยไม่ได้ตั้งใจได้
รายงานการตรวจสอบ SEO ไม่ใช่แค่เอกสารที่แสดงรายการปัญหาเท่านั้น แต่ยังเป็นแผนกลยุทธ์โดยละเอียดอีกด้วย รายงานควรมีโครงสร้างที่สมเหตุสมผล โดยเริ่มจากการสรุปปัญหาหลักๆ ที่พบ จากนั้นจึงวิเคราะห์แต่ละปัญหาอย่างละเอียด อธิบายสาเหตุ และให้คำแนะนำเฉพาะเจาะจงสำหรับแนวทางแก้ไข
กุญแจสำคัญของรายงานอย่างมืออาชีพคือความสามารถในการระบุและจัดลำดับความสำคัญของปัญหาที่สำคัญที่สุดที่ต้องแก้ไขก่อน ข้อผิดพลาดไม่ได้เกิดขึ้นเท่ากันหมด รายงานควรเน้นย้ำถึงปัญหาที่มีผลกระทบมากที่สุดต่อการจัดอันดับและประสบการณ์ของผู้ใช้ จากนั้นจึงสร้างแผนงานและกรอบเวลาสำหรับการดำเนินการที่เฉพาะเจาะจง
การมุ่งเน้นไปที่การแก้ไขข้อบกพร่องพื้นฐานก่อนจะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณปรับปรุงประสิทธิภาพได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
รายงานนี้ยังรวมถึงข้อมูลปริมาณการเข้าชมและประสิทธิภาพที่สำคัญเพื่อให้ลูกค้าเห็นภาพรวมที่ชัดเจนเกี่ยวกับสถานะปัจจุบันของเว็บไซต์ของตน
ดัชนี | อธิบาย |
ปริมาณการเข้าชมแบบออร์แกนิกตามอุปกรณ์ | แผนภูมิแสดงการเปลี่ยนแปลงของปริมาณการเข้าชมจากอุปกรณ์ต่างๆ (เดสก์ท็อป มือถือ แท็บเล็ต) ในแต่ละช่วงเวลา ช่วยระบุแนวโน้มของผู้ใช้ |
อัตราการตีกลับแบบออร์แกนิก | อัตราที่ผู้ใช้ออกจากหน้าทันทีหลังจากเยี่ยมชม ซึ่งบ่งชี้ว่าเนื้อหาและประสบการณ์ของผู้ใช้มีส่วนร่วมมากเพียงใด |
เวลาออร์แกนิกบนเพจ | เวลาเฉลี่ยที่ผู้ใช้อยู่บนหน้า สะท้อนถึงการมีส่วนร่วมกับเนื้อหา |
หน้า/เซสชันออร์แกนิก | จำนวนเฉลี่ยของหน้าที่ผู้ใช้ดูต่อเซสชัน ซึ่งระบุการนำทางและการเชื่อมโยงภายใน |
อำนาจโดเมน (DA) | ประเมินอิทธิพลของโดเมนทั้งหมด แสดงให้เห็นถึงอำนาจในอุตสาหกรรม |
อันดับ | การจัดอันดับเว็บไซต์บนหน้าผลการค้นหา (SERP) สำหรับคีย์เวิร์ดเป้าหมาย |
ค่าบริการตรวจสอบ SEO ขึ้นอยู่กับขนาดและความซับซ้อนของเว็บไซต์เป็นหลัก การประเมินราคาที่โปร่งใสจะพิจารณาจากเกณฑ์เฉพาะ เช่น จำนวนหน้าที่ Google จัดทำดัชนี และจำนวนโมดูลที่ใช้งานได้ของเว็บไซต์ ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถประเมินงบประมาณเบื้องต้นและเลือกแพ็กเกจบริการที่เหมาะสมกับความต้องการของตนมากที่สุด
บรรจุุภัณฑ์ | อธิบาย | ราคาขั้นต่ำ |
การตรวจสอบ SEO 01 | เว็บไซต์ขนาดเล็ก เว็บไซต์แนะนำธุรกิจ ดัชนีเฉลี่ย หน้า | 5,000,000 ดอง |
การตรวจสอบ SEO 02 | เว็บไซต์ขนาดกลาง เว็บไซต์ขายสินค้า เว็บไซต์แสดงสินค้า ดัชนีเฉลี่ย หน้า | 10,000,000 ดอง |
การตรวจสอบ SEO 03 | เว็บไซต์ อีคอมเมิร์ซ และพอร์ทัลข้อมูลขนาดใหญ่ ดัชนีเฉลี่ย หน้า | 20,000,000 ดอง |
การตรวจสอบ SEO 04 | เว็บไซต์ขนาดใหญ่ อีคอมเมิร์ซ พอร์ทัลข้อมูล ดัชนีเฉลี่ย หน้า | 40,000,000 ดอง |
หมายเหตุ: ราคาข้างต้นเป็นเพียงข้อมูลอ้างอิงเท่านั้น และอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดเฉพาะของแต่ละโครงการ
จากการวิเคราะห์พบว่าบริการตรวจสอบ SEO ไม่เพียงแต่เป็นเครื่องมือแก้ไขปัญหาเท่านั้น แต่ยังเป็นการลงทุนเชิงกลยุทธ์ที่ช่วยให้เว็บไซต์ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืนและยั่งยืนในระยะยาว ในสภาพแวดล้อมดิจิทัลที่มีความผันผวน การเป็นเจ้าของเว็บไซต์ที่ได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องถือเป็นข้อได้เปรียบในการแข่งขันอย่างมาก
สำหรับธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจที่ขาดความเชี่ยวชาญภายในองค์กร การจ้างผู้ให้บริการ SEO มืออาชีพถือเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาด ผู้เชี่ยวชาญไม่เพียงแต่มีความรู้เกี่ยวกับอัลกอริทึมของ Google ที่ทันสมัยเท่านั้น แต่ยังมีความสามารถในการแปลงข้อมูลที่ซับซ้อนจากเครื่องมือต่างๆ ให้กลายเป็นแผนปฏิบัติการที่ชัดเจน จัดลำดับความสำคัญ และมีประสิทธิภาพอีกด้วย
สิ่งนี้ช่วยให้ธุรกิจประหยัดเวลา ต้นทุน และมุ่งเน้นไปที่การดำเนินงานธุรกิจหลัก ขณะเดียวกันยังคงมั่นใจได้ว่าประสิทธิภาพของเว็บไซต์ได้รับการปรับให้เหมาะสมที่สุด
เพื่อเริ่มต้นการเพิ่มประสิทธิภาพและยกระดับเว็บไซต์ของคุณไปอีกขั้น สิ่งแรกที่คุณต้องการคือการวิเคราะห์เชิงลึก ติดต่อเราวันนี้เพื่อรับคำปรึกษาอย่างละเอียดและเริ่มวางกลยุทธ์การเติบโตอย่างยั่งยืนสำหรับธุรกิจของคุณ